Select Page

ประวัติความเป็นมาของบริษัท

หน้าหลัก 9 ประวัติความเป็นมาของบริษัท

ประวัติความเป็นมาของบริษัท

บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้งเริ่มแรกเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ตามมติของคณะกรรมการบริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (“TPOLY”) ที่ให้มีการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยให้บริษัทฯ รับโอนการถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวทั้งหมดที่ TPOLY ถืออยู่ในขณะนั้นและกำหนดให้บริษัทฯ เป็นแกนนำในการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งหมดในอนาคตแทน TPOLY ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557

บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระเริ่มต้นจาก TPOLY จำนวน 153,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 15.3 ล้านหุ้น ตามมูลค่าที่ตราไว้ (par value) 10 บาทต่อหุ้น โดยได้รับชำระค่าหุ้นเป็นหุ้นของบริษัทย่อยที่TPOLY ถือหุ้นอยู่เดิมตามมูลค่าที่ตราไว้ของบริษัทย่อยตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม ได้แก่

บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้งเริ่มแรกเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ตามมติของคณะกรรมการบริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (“TPOLY”) ที่ให้มีการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยให้บริษัทฯ รับโอนการถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวทั้งหมดที่ TPOLY ถืออยู่ในขณะนั้นและกำหนดให้บริษัทฯ เป็นแกนนำในการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งหมดในอนาคตแทน TPOLY ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557

บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระเริ่มต้นจาก TPOLY จำนวน 153,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 15.3 ล้านหุ้น ตามมูลค่าที่ตราไว้ (par value) 10 บาทต่อหุ้น โดยได้รับชำระค่าหุ้นเป็นหุ้นของบริษัทย่อยที่TPOLY ถือหุ้นอยู่เดิมตามมูลค่าที่ตราไว้ของบริษัทย่อยตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม ได้แก่

1) บริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด (“CRB”) โดยถือหุ้นร้อยละ 65.0 (ปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 73.1)

2) บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด (“TSG”) โดยถือหุ้นร้อยละ 65.0 3) บริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จำกัด (“BBRP”) โดยถือหุ้นร้อยละ 85.0 ปัจจุบันได้จดทะเบียนเลิกบริษัทแล้วนั้น (ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีบริษัทใดที่เริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ มีเพียง CRB ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะที่ TSG อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง) โดยภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าว TPOLY มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ร้อยละ 100.00

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 210,550,000 บาท เป็น 310,550,000 บาท โดยเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 10 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 33 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทย่อยที่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (“PPA”) ซึ่งในขณะนั้นได้แก่ บริษัท มหาชัย กรีน เพาเวอร์ จำกัด (“MGP”) บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด (“TSG”) และ บริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จำกัด (“BBRP”) ทั้งนี้ TPOLY ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 100.00 ได้สละสิทธิในการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน เนื่องจากมีข้อจำกัดทางการเงินที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ โดยผู้ถือหุ้นอื่นได้ใช้สิทธิการซื้อหุ้นตามสิทธิและเกินสิทธิ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับเงินเพิ่มทุนครบจำนวน 330,000,000 บาท

บริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จำกัด (“BBRP”) มีการจดทะเบียนเลิกบริษัท โดยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2557 ได้มีมติหยุดดำเนินกิจการพร้อมทั้งศึกษาแนวทาง ขั้นตอน ผลกระทบของการเลิกกิจการเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลิกกิจการในอนาคต (วันที่ 22 สิงหาคม 2557 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2557 ได้อนุมัติการลดทุนของบริษัทโดยการลดจำนวนหุ้นลง 3 ใน 4 ส่วน จากเดิม 1,000,000 หุ้น เหลือ 250,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ลดตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นแต่ละราย วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 ประชุมกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2558 ได้มีมติให้เลิกกิจการและจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น วันที่ 3 เมษายน 2558 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ได้พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้เลิกบริษัท

ในปี 2559 CRB ได้รับอนุมัติเปลี่ยนระบบซื้อขายไฟฟ้าจากระบบ Adder เป็น ระบบ Feed-in-Tariff มีผลกำหนดใช้เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2559 ในขณะที่บริษัทอีก 2 แห่งได้เริ่มดำเนินการขายไฟในเชิงพาณิชย์ คือ บริษัท มหาชัย กรีน เพาเวอร์ จำกัด (“MGP”) เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2559 และ บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด (“TSG”) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 นอกจากนั้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 บริษัทฯยังได้ชนะการประมูลเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกสำหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตขนาดเล็กมาก ประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลในแบบ Feed-in-Tariff ในระยะที่ 1 สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา โดยบริษัทได้รับคัดเลือกทั้งหมด 3 โครงการดังนี้ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 9.2 เมกะวัตต์, บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 9.2 เมกะวัตต์, และ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 6.3 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 24.7 เมกะวัตต์ ส่วนในเรื่องของพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นนอกเหนือจากพลังงานชีวมวล

บริษัทฯได้ทำการซื้อหุ้นของบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (“SP”) จำนวน 20,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตบริหารจัดการระบบการนำขยะมูลฝอยมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 8 เมกะวัตต์ที่กำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต อีกทั้งบริษัทฯยังได้ร่วมลงทุนใน บริษัท พีเอ เวสต์แอนด์เอเนอร์จี จำกัด (“PA”) ประกอบธุรกิจผลิตบริหารจัดการระบบการนำขยะมูลฝอยมาผลิตเป็นเชื้อเพลิง

ในปี 2560 โรงไฟฟ้าของ บริษัท พัทลุง กรีน เพาเวอร์ จำกัด มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 9.2 เมกะวัตต์ (PGP) ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2560 ในระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ FiT (Feed in Tariff)

ในปี 2563 โรงไฟฟ้าของ บริษัท ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ จำกัด ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 21 เมกะวัตต์ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) ในระบบ Adder

โดย ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 บริษัทฯ มีโครงการที่ดำเนินการขายไฟในเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP และ PTG รวมมีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 73.8 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 แห่งได้แก่ TPCH1, TPCH2, และ TPCH5 รวมมีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 24.7 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 แห่งได้แก่ SP มีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 8.0 เมกะวัตต์ รวมมีกำลังการผลิตเสนอขายทั้งสิ้นเท่ากับ 106.5 เมกะวัตต์

สรุปความเป็นมาและพัฒนาการของบริษัทฯ

2563

วันที่ 26 มิถุนายน 2563 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2563 จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนหลังของ ปี 2562 หุ้นละ 0.1230 บาท เป็นจำนวนเงิน 49.35 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563

ในไตรมาส 1 ปี 2563
บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญ ดังนี้

  1. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด เพิ่มอีก 20.60 ล้านหุ้น หุ้นละ 1.75 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 36.05 ล้านบาท
  2. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด เพิ่มอีก 16.50 ล้านหุ้น หุ้นละ 3.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 53.63 ล้านบาท
  3. บริษัทฯ ได้ทำสัญญาโอนหุ้นสามัญจำนวน 0.91 ล้านหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด และบริษัทฯ ชำระค่าหุ้นดังกล่าว หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 2.28 ล้านบาท
  4. ได้ทำสัญญาโอนหุ้นสามัญจำนวน 1.04 ล้านหุ้น จากผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด และบริษัทฯ ชำระค่าหุ้นดังกล่าว หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 2.60 ล้านบาท>

ในไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญดังนี้

  1. บริษัทฯ ได้ชำระค่าหุ้นสามัญจำนวน 20.60 และ 0.91 ล้านหุ้นของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด หุ้นละ 3.25 บาทและ 7.50 บาทตามลำดับ เป็นจำนวนเงิน 73.78 ล้านบาท
  2. บริษัทฯ ได้ชำระค่าหุ้นสามัญจำนวน 20.60 ล้านหุ้น ของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด หุ้นละ 1 บาท เป็นจำนวนเงิน 20.60 ล้านบาท
  3. บริษัทฯ ได้ชำระค่าหุ้นสามัญจำนวน 16.50 ล้านหุ้น ของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด หุ้นละ 1.75 บาท เป็นจำนวนเงิน 28.87 ล้านบาท

6 สิงหาคม 2563
ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 6/2563 คณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนของปี 2563 หุ้นละ 0.088 บาท เป็นจำนวนเงิน 35.31 ล้านบาท โดยกำหนดวันรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2563 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 กันยายน 2563

ในไตรมาส 4 ปี 2563
บริษัท ชำระค่าหุ้นสามัญดังนี้

  1. บริษัทฯ ได้ชำระค่าหุ้นสามัญจำนวน 20.60 และ 1.04 ล้านหุ้นของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด หุ้นละ 4 บาท และ 7.50 บาทตามลำดับเป็นจำนวนเงิน 90.20 ล้านบาท

10 พฤศจิกายน 2563
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2563 มีมติให้ลงทุนในโครงการ โรงไฟฟ้าชีวมวล 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าประชารัฐแม่ลาน และ โรงไฟฟ้าประชารัฐบันนังสตา โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากบริษัท เฟอร์รั่ม เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จำนวน 51,375,430 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 99.87% ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าเงินลงทุนโครงการ 132.00 ล้านบาท ซึ่งทำสัญญาซื้อขายหุ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 และจ่ายชำระค่าซื้อกิจการในวันที่ 15 ธันวาคม 2563

2562

20 กุมภาพันธ์ 2562 การประชุมคณะกรรมการของ TPCH ครัง้ ที่ 1/2562 บริษัทมีมติให้เลิกกิจการบริษัทย่อยดังนี้

  1. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 7 จำกัด
  2. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 8 จำกัด

ในไตรมาส 1 ปี 2562
บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มและจ่ายชำระค่าหุ้นดังนี้

  1. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด เพิ่มอีก 31.85 ล้านหุ้น หุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 63.70 ล้านบาท
  2. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด ตามมติที่ประชุมวิสามัญครั้งที่ 3 วันที่ 12 ธันวาคม 2560 มีมติเพิ่มทุน 18 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนเงิน 180 ล้านบาท บริษัทฯ ได้เพิ่มทุน 16.50 ล้านหุ้น ชำระ 2.50 บาท เป็นจำนวนเงิน 41.25 ล้านบาท

24 เมษายน 2562
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.0623 บาท เป็นจำนวนเงิน 24.99 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2562
บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด เพิ่มอีก 31.85 ล้านหุ้น หุ้นละ 1.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 39.81 ล้านบาท7 สิงหาคม 2562
ที่ประชุมกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2562 คณะกรรมการมีมติเห็นชอบอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.084 บาท เป็นจำนวนเงิน 33.70 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2562
บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญดังนี้

  1. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด เพิ่มอีก 20.60 ล้านหุ้น หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 51.50 ล้านบาท
  2. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด เพิ่มอีก 20.60 ล้านหุ้น หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 51.50 ล้านบาท
  3. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด เพิ่มอีก 16.50 ล้านหุ้น หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 41.25 ล้านบาท

ในไตรมาส 4 ปี 2562
บริษัทฯ ชำ ระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท ปัตตานี กรีน จำ กัด เพิ่มอีก 31.85 ล้านหุ้น หุ้นละ 1.25 บาทคิดเป็นจำนวนเงิน 39.81 ล้านบาท

2561

วันที่ 25 เมษายน 2561 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสาหรับปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.0563 บาท เป็นจำนวน 22.59 ล้านบาทและกันสารองตามกฎหมายเป็นจำนวนร้อยละ 5 ของกาไรสุทธิ 2560 เรียบร้อยแล้ว โดยมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 2561

ในไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มและจ่ายชำระค่าหุ้นดังนี้

  1. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด เพิ่มอีก 31,850,000 หุ้น หุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นเงิน 47,775,000.00 บาท
  2. บริษัทฯได้จ่ายชำระหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มอีก จำนวน 15,000,000 หุ้น หุ้นละ 2.00 บาท เป็นจำนวนเงิน 30,000,000 บาท
  3. บริษัทฯมีมติอนุมัติให้ลดสัดส่วนการลงทุนในบริษัท พีเอ เวสต์ แอนด์ เอเนอร์จี จำกัด โดยขายหุ้น จำนวน 27,500 หุ้น ราคาหุ้นละ 200 บาท

ในไตรมาส 2 ปี 2561 บริษัทฯ ได้จ่ายชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ที่เหลือจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 52,500,000.00 บาท

ในไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มและจ่ายชำระค่าหุ้นดังนี้

  1. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัดตามมติที่ประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 3 วันที่ 12 ธันวาคม 2560 มีมติเพิ่มทุน 24 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนเงิน 240 ล้านบาท บริษัทฯ ได้เพิ่มทุน 18 ล้านหุ้น ชำระ 2.50 บาท เป็นจำนวนเงิน 45 ล้านบาท
  2. บริษัทฯ ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัดตามมติที่ประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 3 วันที่ 12 ธันวาคม 2560 มีมติเพิ่มทุน 24 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาทเป็นจำนวนเงิน 240 ล้านบาท บริษัทฯ ได้เพิ่มทุน 18 ล้านหุ้น ชำระ 2.50 บาท เป็นจำนวนเงิน 45 ล้านบาท

ในไตรมาส 4 ปี 2561 มีการเปลี่ยนแปลงในเงินลงทุนในบริษัทย่อยและเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าดังนี้

  1. บริษัทฯ ได้จ่ายชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 5,000,000 หุ้น หุ้นละ 2 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
  2. วันที่ 3 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 ของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 6 จำกัด มีมติให้ลดทุนจดทะเบียน 3,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท คงเหลือเป็นทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ได้จดทะเบียนลดทุนและแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคนห์สนธิกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562
  3. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 บริษัทฯ ได้ทำสัญญาโอนหุ้นสามัญ ระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด และบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด โดยรับโอนจำนวน 2.6 ล้านหุ้น, 2.6 ล้านหุ้น ตามลำดับ และชำระค่าหุ้นดังกล่าว ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562

 

2560

24 เมษายน 2560
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ของบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท เป็นจำนวน 12.04 ล้านบาท และกันสำรองตามกฎหมาย เป็นจำนวนร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิปี 2559 เป็นจำนวนเงิน 1.44 ล้านบาท โดยมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560

ในไตรมาส 1 ปี 2560 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มพร้อมจ่ายชำระค่าหุ้นเพิ่ม ดังนี้

  1. ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มอีก จำนวน 15,000,000 หุ้น หุ้นละ 2.00 บาท เป็นจำนวนเงิน 30,000,000 บาท สัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50

ในไตรมาส 2 ปี 2560 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มพร้อมจ่ายชำระค่าหุ้นเพิ่ม ดังนี้

  1. ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 31,850,000 หุ้น หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 79,625,000.00 บาท สัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 65
  2. ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 15,000,000 หุ้น หุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 30,000,000 บาท สัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50

ในไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มและจ่ายชำระค่าหุ้นดังนี้

    1. ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 1,299,996 หุ้น หุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 9,749,970.00 บาท
    2. ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 1,299,996 หุ้น หุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 9,749,970.00 บาท
    3. ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท ทีพีซีเอช เพาเอร์ 5 จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 1,299,996 หุ้น หุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 9,749,970.00 บาท โดยถือหุ้นแต่ละบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 65
    4. ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 15,000,000 หุ้น หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 7,500,000 บาทและชำระอีก 5,000,000 หุ้น หุ้นละ 4บาท คิดเป็นเงิน 20,000,000 บาท สัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50
    5. ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH ครั้งที่ 7/2560 ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2560 มีมติให้เปิดบริษัทใหม่เพื่อใช้ในการยื่นประมูลโครงการไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3 บริษัท คือ
      • บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 6 จำกัด
      • บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 7 จำกัด
      • บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 8 จำกัด

โดยลงทุนในแต่บริษัทเป็นจำนวน 99,995 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เรียกชำระหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 0.25 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 99.99

ในไตรมาส 4 ปี 2560 บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มและจ่ายชำระค่าหุ้นดังนี้

  1. ชำระค่าหุ้นสามัญของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มอีกจำนวน 5,000,000 หุ้น หุ้นละ 2 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท สัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50
  2. การประชุมคณะกรรมการบริหารครั้งที่ 19/2560 ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2560 บริษัทฯ มีมติขายเงินลงทุนหุ้นสามัญของ บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 6 จำกัด ให้กับ บริษัท วู้ดเวอร์ค เอ็นเนอยี่ จำกัด จำนวน 35,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 2.50 บาท เป็นเงิน 87,500.00 บาท และชำระค่าหุ้น เพิ่มอีกหุ้นละ 7.50 บาท เป็นเงิน 487,462.50 บาท และยังมีมติให้ลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนใน บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 6 จำกัด อีก 2,535,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 2.50 บาท เป็นเงิน 6,337,500 บาท และชำระค่าหุ้นแทน บริษัท วู้ดเวอร์ค เอ็นเนอยี่ จำกัด อีกเป็นจำนวน 2,650,000 บาท รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,637,450.00 บาท สัดส่วนร้อยละ 65

8 พฤศจิกายน 2560
การประชุมคณะกรรมการของ TPCH ครั้งที่ 9/2560 บริษัทมีมติให้ยกเลิกบริษัทย่อยและได้จดทะเบียนเลิกบริษัทในวันที่22 ธันวาคม 2560 โดยเป็นบริษัทย่อยดังนี้

  1. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 3 จำกัด
  2. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 4 จำกัด
2559

11 พฤษภาคม 2559
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH ครั้งที่ 2/2559 มีมติลงทุนในบริษัท พีเอ เวสต์แอนด์เอเนอร์จี จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 45 และมีมติให้เปิดบริษัทใหม่เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล 5 บริษัท คือ

  1. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จำกัด
  2. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จำกัด
  3. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 3 จำกัด
  4. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 4 จำกัด
  5. บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จำกัด

โดยถือหุ้นแต่ละบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 65

 24 สิงหาคม 2559
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH ครั้งที่ 4/2559 มีมติให้บริษัทลงทุนในบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท SP จะเป็นบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจผลิตบริหารจัดการระบบการนำขยะมูลฝอยมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยซื้อหุ้นจำนวน 18,000,000 หุ้น ถือหุ้นร้อยละ 45

21 ตุลาคม 2559
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH ครั้งที่ 6/2559 มีมติให้ซื้อหุ้นของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด เพิ่มจำนวน 2,000,000 หุ้น ร้อยละ 5 ภายหลังการซื้อหุ้นเพิ่มเติม TPCH ถือหุ้นใน SP จำนวน 20,000,000 หุ้น ถือหุ้นร้อยละ 50

2558

8 มกราคม 2558
บริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ MAI จำนวนหุ้นที่เสนอขายรวมทั้งสิ้น 89,450,000 หุ้น ประกอบด้วย

  1. หุ้นสามัญเพิ่มทุน 50,390,435 หุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) ระหว่างวันที่ 23 – 25 ธันวาคม 2557
  2. หุ้นสามัญเพิ่มทุน 39,059,565 หุ้น เสนอขายต่อประชาชนระหว่างวันที่ 24 – 26 ธันวาคม 2557

20 เมษายน 2558
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH มีมติขายหุ้น บริษัท พัทลุง กรีน เพาเวอร์ จำกัด ร้อยละ 20 คงเหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 609 มิถุนายน 2558
ทุนจดทะเบียน 401,200,000 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 401,200,000 บาท27 พฤศจิกายน 2558
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2558 ของ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นบางส่วนของ TPCH จำนวน 37,500,000 หุ้น จากเดิมถือหุ้นร้อยละ 51.23 เหลือ ร้อยละ 41.26

2557

6 มีนาคม 2557
TPCH ซื้อหุ้นของ MWE ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวล ขนาด 8.0 เมกะวัตต์ (ในขณะนั้นอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาต) จากนายประภาส ศรีทองคำ จำนวน 42,500 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 117.4 บาท (เท่ากับมูลค่าตามบัญชี) ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมดเท่ากับ 4,989,500 บาท ส่งผลให้ TPCH มีสัดส่วนการถือหุ้นใน MWE ร้อยละ 85.00 ของทุนจดทะเบียน

17 มีนาคม 2557
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH มีมติจัดตั้งบริษัท สตูล กรีน เพาเวอร์ จำกัด (“SGP”) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวลในจังหวัดสตูล ขนาด 9.2 เมกะวัตต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 20,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,000,000 หุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดย TPCH มีสัดส่วนการถือหุ้นใน SGP ร้อยละ 100.0

27 พฤษภาคม 2557
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ TPCH มีมติอนุมัติวาระสำคัญ ดังนี้

  1. จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อของบริษัทฯ เป็นบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
  2. เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 10.0 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1.0 บาท
  3. เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 310,550,000.00 บาท เป็น 401,200,000.00 บาท
  4. อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 90.65 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเพื่อรองรับการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นแก่กรรมการและพนักงาน (ESOP) โดยมีรายละเอียดดังนี้
    • จำนวน 50.39 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TPOLY ตามสัดส่วน (Pre-emptive Right)
    • จำนวน 39.06 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชน
    • จำนวน 1.20 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นแก่กรรมการและพนักงาน (ESOP)

 19 มิถุนายน 2557
บริษัทแปลงสภาพเป็น บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

9 กรกฎาคม 2557
ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท TPCH มีมติขายหุ้น บริษัทย่อยดังนี้

  • ขายหุ้นบริษัท พัทลุง กรีน เพาเวอร์ จำกัด จำนวนร้อยละ 20 TPCH คงเหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 80
  • ขายหุ้นบริษัท สตูล กรีน เพาเวอร์ จำกัด จำนวนร้อยละ 49 TPCH คงเหลือสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51

 30 ธันวาคม 2557
ทุนจดทะเบียน 401,200,000.00 ล้าน มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400,000,000.00 บาท

2556

18 กุมภาพันธ์ 2556
เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 153,000,000 บาท เป็น 164,000,000 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น

3 พฤษภาคม 2556
เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 164,000,000 บาท เป็น 210,550,000 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น

1 กรกฎาคม 2556
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPOLY มีมติที่สำคัญเกี่ยวกับ TPCH ดังนี้

  1. อนุมัติให้ TPOLY ชำระเงินค่าหุ้นส่วนที่เหลือ ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด 210,550,000 บาท
  2. อนุมัติให้ TPOLY ขายหุ้นของ TPCH จำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาหุ้น 10 บาท ให้แก่ นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของ TPOLY และเป็นกรรมการของบริษัทฯ
  3. อนุมัติให้ TPCH เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 210,550,000 บาท เป็น 310,550,000 บาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 10,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 33 บาทโดย TPOLY สละสิทธิที่จะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดที่จะได้รับการจัดสรรตามสัดส่วน ในขณะที่ผู้ถือหุ้นของ TPCH รายอื่นๆ ที่เหลือได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนและเกินสัดส่วนที่ได้รับการจัดสรร โดยภายหลังการเสนอขายสัดส่วนการถือหุ้นใน TPCH สรุปได้ดังนี้
    สัดส่วนร้อยละ
    1. TPCH 64.6
    2. ผู้ถือหุ้นรายย่อย 32.2
    3. นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี 3.2

8 กรกฎาคม 2556
TPCH ซื้อหุ้นสามัญของ MGP จากนางปริญดา ศุภวัฒน์วิมล ซึ่ง MGPประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวล ขนาด 8.0 เมกะวัตต์ (ในขณะนั้นอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาต) จำนวน 92,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 100 บาท (เท่ากับมูลค่าที่ตราไว้) ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมดเท่ากับ 9,200,000 บาท หรือเทียบเท่ากับสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 46.00 ของทุนจดทะเบียน นอกจากนี้ TPCH และ EnBW จะต้องชำระค่าหุ้นแทนบริษัท กรีน เพาเวอร์ โปรดิวเซอร์ กรุ๊ป จำกัด (“GPPG”) ฝ่ายละร้อยละ 2.50 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด ตาม Mahachai Green Power Joint Venture Agreement (รวม 2 ฝ่ายทั้ง TPCH และ EnBW เท่ากับร้อยละ 5.00) ทั้งนี้ ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ MGP ต้องไม่เกิน 210,000,000 บาท

14 สิงหาคม 2556
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPOLY มีมติอนุมัติให้ TPOLY ลดสัดส่วนการขายหุ้นที่ TPOLY ได้ขายให้แก่ นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของTPOLY และเป็นกรรมการของบริษัทฯ) ตามที่ได้รับการอนุมัติโดยที่ประชุมคณะกรรมการของ TPOLY วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 จากเดิมจำนวน 1,000,000 หุ้น เหลือเท่ากับ 500,000 หุ้น โดยให้ TPOLY รับซื้อหุ้นจำนวน 500,000 หุ้น คืนจากนายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี ในราคาเดียวกันกับราคาที่ได้ขายหุ้น คือ ราคาหุ้นละ 10 บาท ทั้งนี้ภายหลังการรับซื้อหุ้นดังกล่าวสัดส่วนการถือหุ้นใน TPCH สรุปได้ดังนี้

สัดส่วนร้อยละ
1. TPCH 66.2
2. ผู้ถือหุ้นรายย่อย 32.2
3. นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี 1.6

 15 สิงหาคม 2556
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH ได้มีมติเข้าร่วมลงทุนในบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด (“PTG”) ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งใหม่เพื่อทำโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดประมาณ 42.0 เมกะวัตต์ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โรงไฟฟ้า ภายในบริเวณพื้นที่เดียวกัน ซึ่งแต่ละโรงไฟฟ้าจะมีกำลังการผลิตเสนอขายเท่ากับ 21.0 เมกะวัตต์ ในจังหวัดปัตตานี โดยมีทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000 หุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดย TPCH มีสัดส่วนการถือหุ้น ร้อยละ 65.00 ของทุนจดทะเบียน

31 ตุลาคม 2556
ที่ประชุมคณะกรรมการของ TPCH มีมติจัดตั้งบริษัท พัทลุง กรีน เพาเวอร์ จำกัด (“PGP”) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวลในจังหวัดพัทลุง ขนาด 9.2 เมกะวัตต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 15,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน1,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดย TPCH มีสัดส่วนการถือหุ้นใน PGP ร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียน